Internet
- B-Mobile Visitor Sim เวิร์กดี สัญญาณชัดแม้แต่อยู่ในหุบเขา ซื้อแบบ Unlimited 384kbps 14 day ปรากฎว่าใช้จริงๆประมาณ 1GB เพราะงั้นถ้าไปสั้นกว่า 8 วัน ซื้อ 1GB unlimited speed น่าจะได้
- รับซิมที่ไปรษณีย์นาริตะ เดินไป ยื่นพาสปอร์ต พนักงานพูดอังกฤษไม่ได้แต่จะรู้เลยว่าเรามาทำอะไร
- Free Wifi หายาก นอกจาก Narita กับโรงแรมก็ไม่เห็นมีที่อื่น อย่าคาดหวังหาเน็ตใช้ฟรีตามรายทางนัก
- เน็ตมาเมืองไทยช้า ถ้าต้องมาดึงอะไรจาก Server เมืองไทยจะอืดๆหน่อย
- ปรากฎว่าใช้ Manga Searcher ก็ดูดการ์ตูนเถื่อนได้แฮะ ไม่เห็นโดน Block อะไร
Battery
- Galaxy Note 2 แบตต์ไม่อึดพอเที่ยวทั้งวันแบบเปิด Map และใช้ Net หาข้อมูลรัวๆ น่าจะต้องใช้แบตต์ประมาณเกือบๆ 2 เท่าของความจุ
- อันนี้ทำ Tether เกือบทั้งวัน แชร์เน็ตให้อีก 1-2 devices)
- มี Yubao รุ่น 1x,xxx MAH ตัวนึงก็เกินพอ ข้อเสียคือมันหนัก (ประมาณ 250g) จริงๆมีสัก 7,000 mah ก็น่าจะพอแล้ว
การเดินทาง
- Google Map + HyperdiaLite เวิร์กมาก ส่วนใหญ่หาเส้นทางการเดินทางแบบสดๆหน้างาน Accuracy สูงมาก Gmap มี Indoor Map ของสถานีรถไฟใหญ่ๆ (เช่น โตเกียว เกียวโต) ด้วย
- Gmap ดีกว่า ตรงที่บอกเลขชานชาลาด้วย
- แต่เชื่อได้ไม่ทุกครั้งนะ ควรหา 2 ตัวเทียบกัน ถ้ามีเวลา
- HyperdiaLite accuracy สูงกว่า แต่ดันไม่บอกชานชาลา และใช้บอกได้เฉพาะจากสถานีถึงสถานี ไม่รองรับรถเมล์
- Sign ต่างๆมีภาษาอังกฤษพอสมควรไม่แย่อย่างที่ลือ เพียงแต่มันมักจะอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นยากกว่า หรือบางทีปนกับป้ายญี่ปุ่นแล้วทำตัวอังกฤษเป็นตัวเล็กๆ
- ถ้าเดินทางด้วย Shinkansen มากกว่า 3 ครั้ง ซื้อ JRPass คุ้มแน่นอน (ประมาณ 8-9,000 บาท) เพราะเดินทางรอบหนึ่งก็เกือบ 3,000 แล้ว (มันมีค่าตั๋ว กับค่าที่นั่ง แม้กระทั่งกานั่งที่นั่งแบบไม่จอง ก็มีค่าใช้จ่าย)
- เวลา Search ใน Hyperdia มันจะมี option ยกเว้นพวก Nozomi Hayabusa อะไรนั่นเอาไว้ใช้กับ JR Pass เลย
- พวก Pass ต่างๆในเมืองต่างๆค่อนข้างมึน ญี่ปุ่นมี Public Transportation หลายบริษัทมากในเมืองๆเดียว (โดยเฉพาะโตเกียว) ส่วนใหญ่ Pass ต่างๆใช้ข้ามบริษัทไม่ได้ เวลา Plan ต้องมาดูว่าจะนั่งจากไหนไปไหนแล้ว optimize cost อีกที
- เกียวโต - มีบัตร Day pass สำหรับนั่งรถไฟ+รถเมล์แบบในเขตเมือง ถ้าเที่ยวทั่วไปและนั่งรถเมล์+รถไฟมากกว่า 4-5 ครั้งรับรองคุ้ม (ไม่รวมค่าเข้าสถานที่)
- โอซาก้า - มีบัตร Osaka unlimited pass ถ้าไปสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 3 แห่ง คุ้มแน่เพราะรวมค่าเข้าไปแล้ว
- ฮาโกเน่ - ถ้าเที่ยวสัก 2 ที่และนั่งรถเมล์มากกว่า 3-4 ครั้ง ซื้อ Hakone Free Pass ดีกว่า (อันนี้พลาดไป ไม่ได้กะเที่ยวตอนแรกเลยไม่ได้ซื้อไว้ก่อน)
- การเดินทางไปตามเรียวกัง ลงสถานี Odawara แล้วนั่งรถเมล์ยาวๆ ง่ายกว่านั่ง Tozan ต่อสารพัดเยอะ เพราะเส้นทางมันขึ้นลงเขา ถ้าแบบกระเป๋าไปด้วยจะลำบาก โดยรวมนั่งรถเมล์ขาละน่าจะไม่เกิน 1 ชม. จาก Odawara (มีบันไดเลื่อน + ลิฟต์ตลอดทางไปถึงทางขึ้นรถเมล์)
- โตเกียว
- ถ้าวางแผนจะนั่ง Narita Express (NEX) ซื้อ Suica + NEX ประหยัดกว่า (มีทั้งแบบ ขาเดียว และ 2 ขา) JR Pass จะรวม NEX ไปแล้ว แต่ถ้าระยะเวลา JR Pass ไม่คลุม ก็เลือก NEX ขาเดียวก็ได้
- Day pass ราคา 700 นั่งได้เฉพาะ Tokyo Metro ไม่รวมบริษัทอื่น ถ้ามี JR Pass ก็จะครอบคลุมเกือบทั้งหมด (น่าจะยกเว้นแค่โอไดบะ กับ Tokyo Sky Tree) ถ้าวันนึงขึ้น Metro เกิน 4 ครั้งก็จะค่อนข้างคุ้มละ (ขั้นต่ำต่อครั้ง 160 JPY)
- สถานี Hanzomon ทางขึ้นลิฟต์อยู่ทางออก 4 โคตรไกล!
- เวลา search ชื่อสถานี เชื่อ Google Map ได้ คือบางทีสถานีจะมีหลายชื่อ (เช่น Harajuku จริงๆมันชื่อ Meiji-Jinku Mae (Harajuku))
- แต่ถ้าสถานที่ต่างๆ ถ้า GMap เจอ result เดียวอันนั้นเชื่อได้ระดับ Lat/Long แต่ถ้ามันหาเป๊ะๆไม่เจอ อย่าไปเชื่อ
- แผนเดินทางจาก Gmap เชื่อไม่ได้ 100% คือมันใช้ได้แต่รูปแบบการเดินทางอาจจะยากและพิสดารมาก (สารพัดต่อ ไม่ก็เดินผ่านอะไรแปลกๆ) ให้เปิด http://www.japan-guide.com ดูสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ และดู Travel Guide ว่าไปลงสถานีไหน ค่อยหาด้วย Gmap ไปยังสถานีนั้น จะง่ายกว่าสำหรับนักท่องเที่ยว
- เฉพาะการบินไทย - ถ้าทำ Internet Checking จากเว็บการบินไทยจะเร็วกว่ามาก และยังคงโหลดกระเป๋าได้ด้วย
กิน
- ร้านที่ TripAdvisor แนะนำ มักจะเป็นร้านดังสำหรับชาวต่างชาติ expect จะเจอฝรั่งได้เลย
- บางร้านมีบริกรเป็นชาวต่างชาติที่พูดญี่ปุ่นได้เลยด้วยซ้ำ (เช่น Maisen ตรง Omotesando หรือ Gyozalou ตรง Harajuku)
- ร้านที่แนะนำใน TripAdvisor ส่วนใหญ่ถือว่า "อร่อยพอประมาณ" แต่ไม่ใช่ระดับ ทีวีแชมเปี้ยน เชฟกระทะเหล็กอะไรระดับนั้น แต่เชื่อได้ว่าพนักงานชินกับฝรั่งแน่
อื่นๆ
- ปลั๊กในรร. หายากตามเคย พกรางปลั๊กไปด้วยก็ดี แต่จะดีมาก้าเป็นรางปลั๊กแบบมีสายปลั๊ก เพราะปลั๊กญ๊่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นปลั๊ก 2 ตา (แบบบ้านเราเลย) เวลาเสียบมันไม่ค่อยแน่น รับน้ำหนักไม่ได้ (ใช้ Belkin traveler adapter แล้วเสียบไม่ค่อยอยู่)
- ญี่ปุ่น ห้องน้ำเยอะมาก มีทุกสถานี ทุกสถานที่ท่องเที่ยว ขนาดในฮาโกเน่ก็มีห้องน้ำสาธารณะประปราย แต่ไม่ใช่ทุกที่จะมีส้วมไฮเทคนะ ถ้าชานเมืองมักจะเป็นส้วมโบราณแบบนั่งยอง (แต่มีกระดาษเสมอ)
- Suica ซื้อแบบ MySuica กลับไม่ดี เพราะเวลาคืนต้องมี Passport ไปด้วยถ้าจะคืนบัตร ถ้าจะใช้ My Suica ต้องเผื่อเวลาไปคืนบัตรที่ JR East travel center ใต้ Narita สัก 1 ชม. เพราะบางทีคนต่อคิวเยอะมากๆ
- ร้านค้าใน Narita ใช้ Suica ซื้อของได้ และสามารถบอกเขา ให้ซื้อจนหมดบัตร แล้วจ่ายเงินสดเพิ่มเอาได้ด้วย (ใจดีมาก) แต่ใช้ได้แค่รอบละบัตรนะ
- เวลาเข้าร้านหรือสถานที่ท่องเที่ยว เขาจะพยายามถามเหมือนว่าเรามาจากประเทศไร ตอบ "English" ไป คือเขาจะหา Menu หรือ Guide book ภาษานั้นให้ (ภาษาไทยไม่ค่อยมีหรอก)
- โดย average ภาษาอังกฤษของคนญี่ปุ่นเรียกว่าแย่กว่าไทย แต่ไม่ได้แย่อย่างที่ร่ำลือ ร้านรวงสถานที่ต่างๆส่วนใหญ่ ถึงจะพูดไม่ได้ดี แต่พอสื่อสารได้ในระดับเข้าใจได้ อาจต้องชินกับสำเนียงญี่ปุ่นหน่อย
- Google Translate ใช้งานได้ดีพอสมควร ปัญหาอย่างเดียวคือมันช้า ถ้าตัวอักษรเป็นตัวเขียนหรือตัวคันจิเยอะๆมักจะ OCR ไม่สำเร็จ ให้ใช้วิธีเขียนเอา (Note 2 จงเจริญ!)
- S Note ของ Galaxy Note ใช้วางแผนเที่ยวได้ไม่เลว
- Screenshot ด้วย Handgesture แล้วให้มันลง Clipboard ไป
- เปิด S Note แล้วเลือก Add Object จาก Clipboard (ไม่ใช่เลือก Paste นะ!)
- ตามไปลบ Screenshot (ไม่ให้เปลืองที่) ได้เลยจาก Notification
- ก๊อปปี้บางส่วนของหน้าด้วยปากกา