Xenosaga เป็นเกมส์ไตรภาคแนว RPG-Adventure-SciFi-Fantasy ซึ่งทำโดยทีมคนที่สร้างเกมส์ Xenogears บน PS ผมเองประทับใจพอสมควรกับเกมส์ Xenogears มาตลอด โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่องและเพลงประกอบ (เพลงประกอบเกมส์นี้ จะชอบโดนเอาไปเป็นเพลงแบ็กกราวนด์ของพวก Spot สารคดีเกี่ยวกับในหลวงในวิทยุ Radio Thailand News เห็นได้ชัดถึงความอลังการของเพลง) แต่เพราะว่า Xenogears จัดจำหน่ายโดย Square (ปัจจุบันคือ Square-Enix) ในขณะที่ Xenosaga จัดจำหน่ายโดย Namco (ตอนนี้เป็น Bandai-Namco ไปแล้ว คือทีมพัฒนาเดิมได้แยกตัวจาก Square ไปตั้งบริษัท Monolith-soft และทำเกมส์ให้ Namco) Xenosaga เลยกลายเป็นเกมส์ที่อารมณ์เดียวกับ Xenogears แต่ว่าอยู่บนเนื้อเรื่องกันคนละจักรวาลกัน และมี Element หลายๆอย่างในเกมส์ เช่น Zohar ที่ถูกนำมาใช้ใหม่ ตอนที่เขียนอยู่นี้ผมเล่น Xenosaga Episode I จบแล้ว และกำลังเล่น Episode II เลยอยากจะจดเก็บไว้หน่อยว่ารู้สึกยังไงบ้าง สำหรับเนื้อเรื่องคงไม่ต้อง Note ไว้ เพราะ หาอ่านได้จาก Xenosaga Wiki อยู่แล้ว
- เกมส์ให้อารมณ์แบบ Star-Trek ผสมคุจากุ (!?? ไม่รู้จะเทียบยังไง ผมไม่ค่อยอ่านนิยาย Scifi รู้จักแค่นี้) คือ Element ในส่วนของ Sci-fi นั้นผมว่าทำได้ดีทีเดียว ในขณะเดียวกันก็มีพวกเรื่องลึกลับ เหนือธรรมชาติมาปนเยอะพอสมควร
- Element ที่น่าสนใจในเกมส์
- U.M.N. (Unus Mundus Netweork) - วิธีการสื่อสารทางไกล ใช้ทั้งในการสื่อสาร รวมไปถึงการ "Gate Jump" ง่ายๆก็คือการวาร์ป วอร์ปไดรว์ โฟลด์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่
จะเรียกในเรื่องอื่นๆ ไอเดียของ Xenosaga จะบอกว่า U.M.N. นั้นมีองค์กรคอยควบคุมเส้นทางอยู่ น่าจะคล้ายๆกับพวกกรมทางหลวงอะไรประมาณนั้น เวลาจะ Gate Jump หรืออะไรต้องขออณุญาตก่อน - GNOSIS - เป็น Alien ปริศนาที่ไปมากันเป็นกลุ่ม ดูเหมือนจะไม่มีความฉลาด แต่ที่สำคัญคือมันอาศัยอยู่ใน Space-Time คนละอันกับที่มนุษย์อยู่ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถทำร้ายได้ คือเหมือนสู้กับวิญญาณ โจมตีแล้วทะลุผ่านไปเฉยๆ แต่ GNOSIS สามารถทำร้ายมนุษย์ได้ (ทำเหมือนสิงคน คือถ้าโดนจับแล้วเหมือนจะโดนดูดพลังชีวิต) คนที่โดนจับแต่ไม่ตาย อาจจะกลายเป็น GNOSIS ได้ ซึ่งเป็นปมที่เรื่องทิ้งไว้อีกอย่าง เพราะตัวเอกเคยโดนจับแล้ว แต่กลับไม่กลายเป็น GNOSIS
- Realian - คิดว่า Realian คืออารมณ์ประมาณ Coordinator ใน Gundam Seed หรือเป็นพวก Bio-made Android หรือพวกมนุษย์ Cloning อะไรทำนองนั้น ในยุคของ Episode I นี่ Realian ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายมาก Realian ส่วนใหญ่จะถูกผลิตออกมาเพื่องานเฉพาะทาง เช่น การต่อสู้ การสื่อสาร ในยุคของ Episode I นี้ Realian จะมีสิทธิ์เหมือนมนุษย์ ซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามที่เกิดขึ้นก่อน Timeline ของ Episode I นี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติของพวก Realian ต่อมนุษย์
- Hilbert Effect - เป็นปรากฎการณ์ที่จะทำให้ GNOSIS มาอยู่ใน Space-Time เดียวกับมนุษย์ ง่ายๆคือสู้กันได้ มีแต่ Realian รุ่น 100 และ KOS-MOS ที่สร้างปรากฎการณ์นี้ได้ KOS-MOS สามารถสร้างปรากฎการณ์นี้ได้ในวงกว้างขนาดทั้งกองทัพ
- Android (KOS-MOS) - ตัวเอกอีกคนของเรื่องซึ่งเป็น Man-made Android น่าตกใจว่า Timeline ของเรื่องที่เกิด 4000 ปีหลังจากปี ค.ศ. 2000 แต่เทคโนโลยีการสร้าง Android แบบเหมือนคนจริงกลับยังไม่ก้าวหน้ามากนัก เข้าใจว่าเพราะมี Realian ใช้แทนแล้ว (น่าจะอารมณ์เดียวกับ Data ใน Star Trek Next Gen) KOS-MOS เป็น Android ที่บริษัท Vector สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาวุธต่อต้าน GNOSIS โดยเฉพาะ
- U.M.N. (Unus Mundus Netweork) - วิธีการสื่อสารทางไกล ใช้ทั้งในการสื่อสาร รวมไปถึงการ "Gate Jump" ง่ายๆก็คือการวาร์ป วอร์ปไดรว์ โฟลด์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่
- การเล่าเรื่องของเกมส์ทำได้ดีมาก ฉาก movie หลายๆฉากผมดูแล้วตื่นเต้นเหมือนดู Anime ดีๆจริงๆ (ทั้งๆที่ภาพห่วยพอดู ต้องเห็นใจเกมส์เก่าเกือบ 10 ปี)
- ใน Episode I นี้พวกเรื่องลึกลับยังดูไม่เข้ากับเนื้อหาเป็นเนื้อเดียวกันมากนัก คิดว่าคงค่อยๆคลายปมมากขึ้นเรื่อยๆ
- ผมชอบตอนที่ตัวเอก (Shion) บอกว่า "I understand any of this... เพราะว่าตูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเฟ้ย! เป็นจุดที่แสดงชัดว่าคนแต่งเรื่องไม่พยายามยัดเยียดความเข้าใจแบบแปลกๆ ที่การ์ตูนญี่ปุ่นหลังๆชอบยัดๆมาให้คนดู (นึกภาพ Evangelion) แบบว่างงว่ะ แต่เอาเหอะ อย่างน้อยตัวละครในเรื่องมันยังพูดแบบนี้ ก็หวังว่าสุดท้ายมันจะคลี่ปมให้รู้เรื่องจริงๆ
- เกมส์แต่ละเกมส์จะมี Element ของเนื้อเรื่อง กับ Element ของตัวเกมส์ ซึ่งบางทีเหตุผลจะขัดกัน (เช่น จบดันเจี้ยนต้องมีบอสขวางเสมอ หรือไอเทมทำไมถึงได้แชร์กับระหว่าง Party ที่อยู่กันคนละที่?) ถ้าเป็นอารมณ์การ์ตูน Element พวกนี้จะต้องมีคำอธิบายเสมอ เช่น จักระ เน็น คอสโมแต่ในเกมส์จะเหมือนละไว้ในฐานที่เข้าใจ ว่าทำไมตัวละครใช้เวทย์ได้ ทำไมถึง Summon เรียกหุ่นยนต์ยักษ์แนว Yuusha ออกมาได้ ผมคิดว่า Episode I แยกส่วนของตรงนี้ออกจากกันได้ดีพอสมควร ในขณะที่ก็ไม่ทำให้ Gameplay จืดชืดเกินไป
- ตัวเกมส์เอาวิทยาศาสตร์เป็น Background ของสิ่งที่ดูเป็นไสยศาสตร์ พอจะมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ประกอบกล้อมแกล้มได้เสมอ แต่ช่วงหลังๆของเกมส์ ดูตัวละครมันเริ่มยิงแสงๆสู้กันใหญ่ หวังว่าจะมีเหตุผลประกอบ ที่ไม่ใช่แบบว่าการใช้เวทย์ยิงแสงใส่กันมันเรื่องปกตินะ