Internet & IT
- โดยภาพรวม Internet ราคาสูงกว่าประเทศอื่นๆรวมไปถึงบ้านเรามาก และไม่ค่อยมีฟรี
- ถูกสุดที่เจอคือ NZ Telecom 29NZD ใช้ได้ 3GB เวลาประมาณ 1 เดือน แต่โทรศัพท์/sms ไม่ได้เลย แต่สามารถซื้อ add-on เพิ่มทีหลังได้ไม่ต้องห่วง ถ้าจำเป็นต้องโทร
- Free Wifi ตามโรงแรมต้องเช็คดีๆ ส่วนใหญ่จะมี Limit เช่น 60MB 100MB เยอะสุดที่เจอคือ 500MB นี่โคตรหรูแล้ว อีกแบบคือจำกัดเวลา มีตั้งแต่ 30 นาที - 2 ชม. หรือแบบทั้งคู่เลยก็มี ถ้าเป็น Unlimited Wifi เขาจะบอกว่า "Free Unlimited Wifi" ถ้าบอก "Free Wifi" เฉยๆส่วนใหญ่จะเป็นการให้ Wifi แบบมี Limit ต่างๆ (โรงแรมที่ให้ "Unlimited Wifi" จริงก็มักจะให้ในความหมายที่ว่า แจกคูปองใช้ Internet แบบไม่จำกัด และวัดดวงว่าเราจะหน้าด้านพอขอเป็นกะตั้ก และขอก่อนเขาปิด Reception ทันหรือเปล่า) แต่ถ้าตาม Hostel อาจจะมี Unlimited Wifi ให้มั้ง
- ดูจาก Usage พบว่าเราใช้ Internet เฉลี่ยวันละ 100-150MB อันนี้มีการใช้พวก Wifi ของโรงแรมแซมประปราย Activity มีตั้งแต่เล่นเน็ตทั่วไปด้วย Smartphone/Tablet, Update App จำนวนมากใน Android (พบว่า App มัน Update ถี่จริงๆ) โหลด Manga รวมไป Tether ให้ Laptop ด้วย แต่พยายามจำกัดการใช้งาน Dropbox ไว้ประมาณหนึ่ง
- 3G Coverage ค่อนข้างแย่กว่าที่คิดไว้มาก ถ้าออกห่างออกจากเมืองมาสัก 5-10 km อาจเจอ 0% reception ซึ่งพบได้บ่อยมากระหว่างการขับรถ ใครที่ชอบเล่นเน็ตตอนนั่งรถนี่เลิกได้เลย
- อาจจะเพราะมีการจำกัด Internet กันเต็มที่ ทำให้ Network มาเมืองไทยไม่ได้แย่มาก แต่ไม่ถึงกับพิมพ์อะไรไม่ได้ (ทดสอบด้วย ssh และการดึงข้อมูลจากเว็บภายในของบริษัทฯ)
- App ที่ต้องมีติดตัวเลยคือ CamperMate ไว้บอกจุด ห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน มีพวก ร้านซักรีด อะไรอย่างนี้ด้วย ตำแหน่งที่บ่งบอกค่อนข้างตรงมาก
Battery
- เนื่องจากคนมาเที่ยวที่นี่คงจะเช่ารถแน่ๆอยู่แล้ว แบตเตอรี่ Smartphone จึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เอาที่ชาร์จแบบเสียบที่จุดบุหรี่เสียบได้ปกติไม่มีปัญหา
การเดินทาง + ขับรถ
- ประเทศนี้ใช้ระบบการเดินทางแบบเดียวกับ US (เหมือนกับไทย) คือเน้นการขับรถเป็นหลัก ถนนหนทางดี ป้ายสัญญาณถี่มาก
- รถเช่ามี Local Brand หลายราย เช่น Go Rental, Apex, Kiwi อะไรสักอย่าง (Kiwi คือชื่อเล่นของนิวซีแลนด์) และพวก Jucy
- ที่แปลกกว่าที่อื่นคือมีให้เช่ารถบ้าน (Camper Van) ด้วยเป็นเรื่องปกติ เท่าที่แอบมองถ้าคันเล็ก หลังรถจะมีครัวประกบติดด้านหลัง คันใหญ่น่าจะมีห้องน้ำ
- ที่คิดว่า Camper Van น่าจะมีห้องน้ำเพราะตามที่ต่างๆจะมีสิ่งที่เรียกว่า Dumping Station ไว้ทิ้งสิ่งปฏิกูลของ Camper Van กระจายอยู่ทั่วตามสถานที่ท่องเที่ยว
- คนที่นี่คงชอบ Camping มาก นอกจาก Dumping Station แล้วยังมีจุดเอาน้ำดื่ม น้ำใช้ รวมไปถึงห้องน้ำสาธารณะ ค่อนข้างเยอะ
- เนื่องจากปัญหาเรื่อง Internet การขับรถโดยอาศัย Google Maps ควรจะให้มัน Navigate ตั้งแต่ออกจากเมือง และอย่าปิด Navigation เด็ดขาดระหว่างเมือง เพราะถ้าสัญญาณมือถือหายหมด Google Map Navigation จะ Cache Map ไว้ประมาณหนึ่ง สามารถนำทางจนถึงจุดหมายได้ และ Reroute ง่ายๆได้ (Offline map ไม่ช่วยอะไร เพราะมัน Search + Turn-by-turn navigation ไม่ได้ ไว้กันหลงอย่างเดียว)
- App ที่ควรมีไว้กันพลาด คือ Mapfactor Navigator เป็น App Free ที่อาศัย OpenStreetMap เอามาใช้ทำ Navigation ได้ พบว่าสถานที่สำคัญๆในประเทศจะมีค่อนข้างครบ และสามารถ Search offline ได้ (แต่ยากๆหน่อย ต้องใช้วิธีระบุ ประเทศ เมือง ถนน อะไรยังงี้เอา) ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเจอหมด ส่วนที่พักอาจจะเอาไว้เข้าถึงเมืองค่อย Search อีกทีก็ได้
- ห้องน้ำสาธารณะมักจะมีทุกๆอย่างมาก 50 km หรืออาจถี่กว่านั้นขึ้นกับย่าน คือทุกๆ 50km มักจะมีเมืองๆหนึ่งจะเล็กจะใหญ่ว่ากันอีกที และทุกเมืองจะมีห้องน้ำสาธารณะ แต่ไม่ใช่ทุกเมืองที่ห้องน้ำจะอยู่ติดทางหลวง อาศัย CamperMate ช่วยอีกชั้นหนึ่งได้
- ที่จอดรถตามในเมืองจะมีเครื่องเก็บตังค์ และเขียนเวลา Maximum ที่จอดได้ไว้ข้างๆ เช่น P120 แปลว่าจอดได้สูงสุด 2 ชม. แต่เก็บค่าจอดเป็นตามจำนวนเงิน (จ่าย 1.5 ชม. ได้)
- ความเร็วสูงสุด ระหว่างเมือง 100km/h ในเมือง 50km/h มีมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ที่ ระวังตำรวจให้ดี เคยเจอรถขับเร็วมากบนทางระหว่างเมืองข้างๆมีแต่ทุ่งกับป่า ขับไปอีกสิบนาทีเจอตำรวจซิวอยู่ข้างทางเรียบร้อย
- เมืองส่วนใหญ่จะไม่มีไฟเขียวแดง! ยกเว้นเมืองใหญ่จริงๆอย่าง Christchurch หรือ Auckland ขนาด Queenstown ยังไม่มี เขาจะใช้ระบบวงเวียนแทน แล้วเชื่อว่าคนขับรถทุกคนมีมารยาท ธรรมเนียมทั่วไปคือ รถในวงเวียน Priority สูงกว่าเสมอ และพยายามขับแบบให้ทางเข้าไว้ อย่าพยายามแทรก จะโดนด่า+อันตราย (โดนมาแล้ว) ตอนจะเข้าวงเวียนให้เปิดสัญญาณไฟเสมอ
- ที่นี่จะมี One Lane Bridge เยอะมาก คือเป็นสะพานแบบมีเลนเดียว ใช้ระบบให้ทาง จะมีป้ายบอกก่อนว่าใครมี Priority สูงกว่า ถ้าเจอมาปะหน้ากันพร้อมกันก็ต้องให้ทางเอกได้ข้ามก่อน แต่ถ้าเป็นสะพานยาวมากๆ จะมีสัญญาไฟ (Auto-activate) ไว้กำกับ
- รถส่วนใหญ่แทบไม่ติด
- ค่าน้ำมัน แพงกว่าเมืองไทย 2 เท่า เวลาเช่ารถให้คำนวณ Factor ตรงนี้อ้างอิงกับขนาดรถเช่าไว้ด้วย
- การเติมน้ำมัน เติมเอง แล้วจ่ายในปัีม จ่ายบัตรเครดิตได้แต่ต้องรูดบัตรเอง (รูดหนึ่งครั้ง แล้วเสียบบัตร เลือก Account Type เป็น Credit) บอกพนักงานได้ว่าอยากจะเซ็นเขาจะกดๆให้เอง
ที่พัก
- ที่พักประเทศนี้จะคล้ายๆ Services Apartment ไปหมด คือถ้าเป็นระดับ Motel-Hotel ในห้องจะมีครัว ถ้า Hostel ก็จะมีครัวกลางให้ใช้ ยืมเครื่องครัวได้
- ที่พักส่วนใหญ่กว้างมากถ้าเทียบกับมาตรฐานของประเทศแถบยุโรป คือนอนอัดๆกันได้ 4 คนแน่นอน บางที่นอนได้น่าจะถึง 10 คนด้วยซ้ำ (ห้องขนาด 2 คนปกติ)
- ตอนสำรวจที่พัก ให้สังเกตดีๆเขาจะบอกว่าเป็น Fully Equipped Kitchen หรือไม่ระบุ หลายๆที่จะบอกว่าในครัวมีอะไรบ้าง (ละเอียดถึงเครื่องครัว) ให้สังเกตว่ามี Hob Stove Oven อะไรพวกนี้หรือเปล่า แต่โดย Default มักจะมี ซิ้งค์ล้างจานพร้อมน้ำยา ไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง ให้เสมอ
- บางทีไม่มีเตาให้ แต่สามารถให้ยืมเตาไฟฟ้ามาทำอาหารได้ (Bella Vista ที่ Hokitika เป็นแบบนั้น)
- ระวังเรื่องกลิ่น บางที่ขู่ไว้ว่าถ้าทำอาหารกล่ินเยอะเขาอาจจะ Charge ค่าทำความสะอาด เทคนิคประจำคือ
- พอจะเริ่มผัด-ทอด เปิดประตูห้อง และหน้าต่างด้านหลังหรือเครื่องดูดควันห้องน้ำไว้
- ทำเสร็จ ตักใส่จาน วางบนโต๊ะกินข้าว ทำความสะอาดกะทะคร่าวๆ และรีบแช่น้ำไว้ไม่ให้กล่ินออกจากกะทะ
- รีบๆเช็ดเตา บ่อยครั้งอาหารที่ทำมันกระเด็นติดเตา และนั่นทำให้ส่งกล่ิน
- ถ้ามีเครื่องดูดควัน เปิดทิ้งไว้สักครู่หนึ่งพอ แล้วรีบปิด พบว่าหลายที่คงไม่ได้ทำความสะอาดเครื่องดูดควัน มันกลายเป็นตัวปล่อยกลิ่น (คาดว่า Filter คงสกปรกแล้ว)
- พอเริ่มหนาวหรือควันเริ่มจาง ก็ปิดประตูได้ (ถ้าไม่หนาวจะเปิดไว้เลยก็ได้)
- ครัวบางรร. ออกแบบไว้ดีมาก ข้างครัวมีหน้าต่างแยกเฉพาะไว้เปิดไล่กล่ิน ก็อย่าลืมเปิด
- ที่พักบางแห่ง มีกระทั่ง เตาอบทำขนม เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าส่วนตัว (Clearbrook Motel Lake Wanaka) แต่เครื่องซักผ้าที่ให้มาจะเป็นเครื่องปกติ = ซักช้า ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เหมือนเครื่องซักผ้าตามบ้าน อบอีกร่วมชม.
- ถ้าเป็นที่พักแนวรวมๆหน่อยจะมีเครื่องหยอดเหรียญ (Top 10 Holiday park) ก็จะซักเร็วเสร็จเร็วตามสูตร
- เมืองสำคัญจะมีที่พักชื่อ Top 10 Holiday Park อันนี้ Top 10 เป็นชื่อโรงแรมนะ แต่ Holiday Park นี่เหมือนจะไม่ใช่ แต่ที่พักของแบรนด์นี้จะเป็นรวมๆกันระหว่าง ระดับ Motel (ห้องทุกอย่างในตัวครบ รวมครัว) ไปจนถึง Hostel (นอนรวม ห้องน้ำแชร์ มีครัวกลาง) รวมไปถึงจุดให้จอด Camper Van และมีน้ำดื่ม + Dumping Station ให้ด้วย (มีกระทั่ง สวนสนุกเล็กๆสำหรับเด็ก และราวตากผ้า!)
- Reception ส่วนใหญ่จะปิดไม่เกิน 21.00 ถ้ามา Checkin หรือติดต่อหลังจากเวลานั้นจะมี Charge หากจำเป็นต้อง Late Checkin ควรรีบประสานงานไว้ก่อน เขาจะมีกระบวนการ Checking ไว้ให้ (เช่น เปิดรหัสเซฟเอากุญแจ)
- ถ้าที่พักระดับ Motel ลงมา จะไม่มีพนักงานทำความสะอาดเหมือน Hotel แปลว่าจะมาขอทิชชู่หรือสบู่ดึกๆนี่จะลำบาก แต่ถ้า Hotel ก็เหมือนโรงแรมปกติ
- ไม่ค่อยมีที่เสียบปลั๊กให้เสียบ ต้องเอารางปลั๊กไป
- ห้องน้ำบางที่ จะใช้หลอดไส้แทน heater อันนี้จะไม่ค่อยร้อน+คุมอุณหภูมิไม่ได้ เพราะงั้นมาถึงรีบเปิดทิ้งไว้เลย
อาหารการกิน
- ดูเหมือนที่นี่จะไม่มี Local Food (เคยถามโรงแรมหนึ่งเขาทำหน้างงๆ) คือ Local Food ก็จะเป็นอาหารสไตล์กึ่งยุโรป-อเมริกา พวก เบอร์เกอร์ หรือ Fish and Chip อะไรทำนองนั้น
- แทบไม่ได้กินอาหารตามร้านเลย ทำกับข้าวกันเองตลอด ประหยัด วัตถุดิบพวก เนื้อ ปลา หมู ผัก ชั้นเลิศ ราคาไม่แพงนัก เนื้อราคาพอๆกับหมู มีเห็ดแปลกๆให้กิน
- อาหารเช้ากินขนมปังแผ่นปิ้ง (มีเครื่องปิ้งขนมปังในที่พักทุกแห่ง) และซื้อ Nutella มาทาเอา
- ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในทริป กลับกลายเป็นร้าน Kohan เมือง Lake Tekapo ซึ่งเป็นร้านญี่ปุ่นแห่งเดียวในเมือง แต่เนื้อและปลาแซลมอนนี่ชั้นดีมาก
- ที่อร่อยใช้ได้คือ Fergberger เมือง Queenstown แต่มันอร่อยตรงเนื้อมันเป็นเนื้อชั้นดี นอกนั้นมันก็คือเบอร์เกอร์ปกติ
- อาหารให้เยอะตามไซส์ฝรั่ง คนๆหนึ่งกิน Maincourse อันเดียวพอ Fergberger ให้ชิ้นใหญ่ระดับเดียวกับ Whopper ของ BGK
- พวก Mcdonald BGK ขนาด Berger ปกติ ถือเป็นของไม่แพง มี Angus Beef ด้วย
- ถ้าเจออุปกรณ์คล้ายๆแปรงขัดส้วมวางข้างๆน้ำยาล้างจาน นั่นคือแปรงล้างจาน คือคนที่นี่ไม่ค่อยใช้สก๊อตไบรต์ (มีบางโรงแรมมีให้บ้าง แต่แปรงล้างจานนี่มีทุกที่) ใช้ๆไปพบว่าเวิร์กอยู่คือเวลาล้างของมีคมไม่ต้องกลัวบาดเลย
อื่นๆ
- วิวสวยขั้นเทพ ทุกที่คือ Middle earth
- วิวมีหลายแบบ ตั้งแต่ภูเขาหิมะ ยันป่าดิบชื้น เลือกวิวถ่ายได้ตามชอบใจ
- คนส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายยุโรป (อดีตเมืองขึ้นอังกฤษ) บ้านเมืองออกแนวยุโรป คือทำงานตอนกลางวัน ดึกๆกลับบ้าน กลางคืนเมืองเงียบยังกับ Silent Hill ร้าน Supermarket ส่วนใหญ่ปิดไม่เกิน 3 ทุ่ม บางเมืองคนน้อยปิดมันตั้งแต่ 18.30 เลย วันอาทิตย์ปิดเร็วกกว่าปกติ ถ้าไปถึงเมืองไหนดึก และกะจะชอปปิ้งต้องเช็ควันและเวลาดีๆ ถ้าจำเป็นซื้อระหว่างทางและแช่ในกระเป๋าแช่เย็นเอา (มีขายตาม Supermarket)
- Organized Tour ต่างๆราคาแพง-แพงมาก แพงนี่คือเทียบเงินไทยหลักหลายพันบาท/คน นั่ง Shotover Jet รวมซื้อของด้วยเหยียบคนละเกือบห้าพันบาท ทัวร์ LOTR บางที่คนละ 100NZD (ประมาณ 3,000 บาท แต่อันนี้ทั้งวันนะ) โดดบันจี้จัมป์ยังราคาใกล้เคียงนี้เลยทั้งๆที่ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที (แต่เพื่อซื้อความปลอดภัยอ่ะนะ) เพราะงั้นวางแผนก่อนดีๆ ซื้อหน้างานรัวๆนี่มีจนแน่ (มีเว็บรวมดีลของ Newzealand ให้ใช้บริการอยู่บ้างเหมือนกัน)